นาย ก.ส่งจดหมาย “รูปร่วมเพศ” ประจาน นาง ข.ไปทั่วหมู่บ้าน แม้มีคนไม่ได้เปิดดู ก็ผิด”เผยแพร่สิ่งลามก”

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2554

ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเป็นความผิดอันยอมความได้หรือเป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์โดยชอบแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหานี้จึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

การที่จำเลยส่งเอกสารที่มีข้อความประณามว่าโจทก์ร่วมมีชู้และพฤติกรรมทางเพศของโจทก์ร่วม ภาพถ่ายเปลือยกายของโจทก์ร่วม ภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงการร่วมเพศของโจทก์ร่วมกับจำเลยอันเป็นสิ่งลามกทางไปรษณีย์ไปยังราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าเป็นการทำให้แพร่หลายโดยมีเจตนาเพื่อการแจกจ่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามก แม้ราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุได้รับเอกสาร รวมทั้งภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงจะไม่ได้อ่านเอกสารหรือดูภาพถ่ายหรือฟังแถบบันทึกเสียง ก็ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จในความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกตาม ป.อ. มาตรา 287 (1)

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91, 287, 328 ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางกอบพร ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 287 (ที่ถูก มาตรา 287 (1)), 328 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสื่อลามก จำคุก 6 เดือน ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาจำคุก 6 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 12 เดือน ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ก่อนเกิดเหตุนางสาวกอบพร โจทก์ร่วม อยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย ระหว่างนั้นโจทก์ร่วมเขียนจดหมายถึงจำเลยบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ร่วมกับจำเลย จำเลยยังได้ถ่ายภาพเปลือยกายของโจทก์ร่วมและภาพการร่วมเพศของโจทก์ร่วมกับจำเลยรวมทั้งบันทึกเสียงระหว่างการร่วมเพศ ต่อมาโจทก์ร่วมเลิกอยู่กินกับจำเลยและแต่งงานกับนายอนันต์ ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนส่งซองจดหมายซึ่งภายในซองมีเอกสารที่มีข้อความประณามว่าโจทก์ร่วมมีชู้ จดหมายที่โจทก์ร่วมเขียนถึงจำเลยในระหว่างที่อยู่กินด้วยกัน ภาพถ่ายเปลือยกายของโจทก์ร่วม รวมทั้งภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงการร่วมเพศของโจทก์ร่วมกับจำเลยไปให้นายปรารถนา นายวีระ และนางแสงทอง กับอีกหลายคนโดยทางไปรษณีย์

ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเป็นความผิดอันยอมความได้หรือเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อโจทก์ร่วมถอนคำร้องทุกข์โดยชอบแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหานี้ย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) แล้ว

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยเป็นคนจัดทำเอกสารที่มีข้อความประณามว่าโจทก์ร่วมมีชู้ และจำเลยเป็นคนจัดส่งเอกสารดังกล่าวตลอดจนจดหมายที่โจทก์ร่วมเขียนถึงจำเลยในระหว่างอยู่กินด้วยกัน ภาพถ่ายเปลือยกายของโจทก์ร่วม ภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงการร่วมเพศของโจทก์ร่วมกับจำเลยไปให้ราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุก็ตาม แต่เอกสารที่มีข้อความประณามว่าโจทก์ร่วมมีชู้นั้น มีรายละเอียดมากมายและมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของโจทก์ร่วมกับจำเลยซึ่งยากเกินกว่าที่บุคคลอื่นจะล่วงรู้ได้ อีกทั้งข้อความในเอกสารดังกล่าวบ่งบอกถึงความโกรธแค้นของจำเลยที่มีต่อโจทก์ร่วม สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าจำเลยเป็นคนจัดทำเอกสารฉบับนี้ขึ้นมา สำหรับจดหมายที่โจทก์ร่วมเขียนถึงจำเลยในระหว่างอยู่กินด้วยกันนั้น ก็ปรากฏว่าอยู่ในความครอบครองของจำเลย ส่วนภาพถ่ายเปลือยกายของโจทก์ร่วมรวมทั้งภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงการร่วมเพศของโจทก์ร่วมกับจำเลยนั้น จำเลยก็เป็นคนจัดทำขึ้นมาและเป็นคนเก็บรักษา แต่หลังจากโจทก์ร่วมเลิกอยู่กินกับจำเลยและแต่งงานกับนายอนันต์แล้ว สิ่งเหล่านี้จึงได้ถูกส่งไปยังราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุในลักษณะประจานโจทก์ร่วม พยานแวดล้อมกรณีที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมาล้วนบ่งชี้ว่าจำเลยเป็นคนกระทำการดังกล่าวทั้งสิ้นโดยมีสาเหตุมาจากความหึงหวงและความโกรธแค้นที่โจทก์ร่วมเลิกร้างกับจำเลยและแต่งงานกับคนอื่น พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนกระทำการดังกล่าวจริง และการที่จำเลยส่งเอกสารที่มีข้อความประณามว่าโจทก์ร่วมมีชู้และพฤติกรรมทางเพศของโจทก์ร่วม ภาพถ่ายเปลือยกายของโจทก์ร่วม ภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงการร่วมเพศของโจทก์ร่วมกับจำเลยอันเป็นสิ่งลามกทางไปรษณีย์ไปยังราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุถือได้ว่าเป็นการทำให้แพร่หลายโดยมีเจตนาเพื่อการแจกจ่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามก ที่จำเลยอ้างในฎีกาว่า ราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุที่ได้รับเอกสาร รวมทั้งภาพถ่ายและแถบบันทึกเสียงไม่ได้อ่านเอกสารหรือดูภาพถ่ายหรือฟังแถบบันทึกเสียงการกระทำของจำเลยจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดนั้น เห็นว่า ความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกเป็นความผิดสำเร็จ โดยไม่ต้องคำนึงว่าราษฎรในหมู่บ้านที่เกิดเหตุที่ได้รับจะได้อ่านเอกสารหรือดูภาพถ่ายหรือฟังแถบบันทึกเสียงหรือไม่ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ดี ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมเป็นที่พอใจแล้ว จึงเห็นควรกำหนดโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามกเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งลามก จำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 สำหรับข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาให้จำหน่ายออกจากสารบบความ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3