ดอกเบี้ยจากมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6973/2561

เมื่อศาลพิพากษาให้เงินของผู้คัดค้านตกเป็นของแผ่นดิน แม้จะถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา แต่ตามคำร้องของผู้ร้องและคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นการบังคับเอาแก่ทรัพย์สินโดยตรงอันเป็นผลตามกฎหมาย และมิใช่กรณีบังคับตามสิทธิเรียกร้องทางแพ่ง แผ่นดินมิได้มีฐานะเป็นบุคคลที่มีมูลหนี้เหนือผู้คัดค้านในเงินที่ผู้คัดค้านร่ำรวยผิดปกติอันที่จะเป็นเจ้าหนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224 เพื่อจะคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านร่ำรวยผิดปกติและตกเป็นของแผ่นดินได้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินนั้น

อธิบายกฎหมาย

ดอกเบี้ยจากมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน

กรณีที่มีการขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ใดผู้หนึ่งเป็นคนร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยครั้งในกรณีที่นักการเมืองทั้งหลายถูกตรวจสอบทรัพย์สินและบางรายมีคำสั่งให้ถูกยึดทรัพย์ เพราะเข้าเหตุที่ตนเองมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ

ซึ่งตามกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ต้องยึดทรัพย์ของผู้ใดผู้หนึ่งอันเนื่องมาจากผู้นั้นร่ำรวยผิดปกตินั้น ทรัพย์สินนั้นศาลจะสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน จึงอาจมีความสงสัยกันได้ว่าหากทรัพย์สินนั้นมีดอกเบี้ยงอกเงยมาในระหว่างที่ถูกยึดทรัพย์สินนั้น ดอกเบี้ยนั้นจะตกเป็นของผู้ร้องที่มีคำขอต่อศาลให้มีคำสั่งยึดทรัพย์ของนักการเมืองที่ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

คำพิพากษาฎีกานี้ตัดสินไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ถึงแม้ว่าผู้ที่ถูกศาลสั่งให้ต้องถูกยึดทรัพย์ อันเนื่องมาจากผู้ร้องได้มีคำขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยผิดปกติ

จนศาลมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินของผู้นั้นให้ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ต่อมาทรัพย์สินที่ถูกศาลมีคำสั่งริบให้ตกเป็นของแผ่นดินนั้น จะมีดอกเบี้ยเกิดขึ้นในระหว่างที่ถูกยึดนั้น ผู้ร้องจะสามารถขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดอกเบี้ยที่เกิดในระหว่างนั้นเป็นของผู้ร้องได้หรือไม่?

ศาลฎีกาได้ตัดสินไว้เลยว่ากรณีการยึดหรือริบทรัพย์สินเพื่อให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตามคำขอของผู้ร้องนั้น เป็นกรณีเนื่องมาจากการที่ผู้คัดค้านหรือผู้ที่ถูกยึดทรัพย์สินร่ำรวยผิดปกติ และจากการตรวจสอบและพิจารณาของศาลก็ปรากฎว่าเป็นเช่นนั้นจริง จึงมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินนั้น

เป็นเหตุที่เกิดจากผู้นั้นร่ำรวยผิดปกติ คือการได้ทรัพย์สินมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะด้วยการทุจริตในหน้าที่การงานหรือด้วยเหตุอื่นใดก็ตาม กรณีนี้ผู้ร้องจึงไม่สามารถเรียกดอกเบี้ยที่เกิดจากทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ริบได้

ถึงแม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหนี้ตามกฎหมาย ที่มีอยู่เหนือลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ตาม แต่ผู้ร้องในกรณีนี้ก็เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่ต่างจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่กฎหมายบัญญัติไว้ตามกฎหมาย ที่จะมิสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้

ดังนั้นผู้ร้องจึงเป็นเพียงผู้ที่มีอำนาจขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินได้เท่านั้น ไม่สามารถร้องขอเรียกดอกเบี้ยจากมูลค่าทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินได้

แม้จะปรากฏตามความเป็นจริงว่า ทรัพย์สินที่ถูกศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินนั้น จะมีดอกเบี้ยหรือดอกผลที่เกิดในอนาคตก็ตาม ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยหรือดอกผลนั้นเลย