จอดรถบนถนนในสถานีตำรวจ ต่างจากจอดบนถนนหลวงหรือไม่?

พ.ร.บ.จราจรทางบก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2562

แม้ถนนที่เกิดเหตุจะอยู่ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานีอันเป็นสถานที่ราชการ แต่โดยลักษณะงานของสถานีตำรวจย่อมเป็นสถานที่สำหรับประชาชนไปติดต่อราชการโดยงานหลักคือ การรับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ ดังนั้น สภาพทางในสถานีตำรวจที่เกิดเหตุจึงมีไว้สำหรับประชาชนใช้สัญจร ทางที่เกิดเหตุจึงเป็นทางตามความหมายของทางตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4 (2) ซึ่งบัญญัติความหมายของคำว่า “ทาง” หมายถึง ทางเดินรถ ช่องเดินรถที่ประชาชนใช้ในการจราจร เมื่อจำเลยจอดรถบนทางดังกล่าวจึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ขับขี่ต้องจอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถ และจอดรถให้ด้านซ้ายของรถขนานชิดกับขอบทางหรือไหล่ทางในระยะห่างไม่เกินยี่สิบห้าเซนติเมตร” ดังนั้น การที่จำเลยจอดรถทางด้านขวาของทางเดินรถและหันหัวรถสวนทางกับรถคันอื่น จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว

จอดรถบนถนนในสถานีตำรวจ ต่างจากจอดบนถนนหลวงหรือไม่?

การจอดรถบนท้องถนนมีกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร ทั้งในเรื่องวินัยการจราจร การใช้รถใช้ถนนที่ถูกต้อง การขับรถที่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจร รวมไปถึงการจอดรถบนถนนหลวงเช่นกัน

ตามคำพิพากษาฎีกานี้เป็นการที่จำเลยจอดรถในสถานีตำรวจโดยไม่ถูกต้อง จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุในสถานีตำรวจนั้น ซึ่งจำเลยอ้างว่าไม่ใช่การจอดรถบนท้องถนนหลวงจึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม พรบ.จราจรทางบกฯ ที่บัญญัติไว้ชัดเจนในเรื่องการจอดรถบนถนนหลวง จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พรบ.นี้

ศาลฎีกาได้ตัดสินไว้ตามคำพิพากษาฎีกานี้แล้ว โดยเริ่มจากการตีความคำว่า “ทาง”  ที่บัญญัติไว้ใน พรบ.จราจรเสียก่อน จึงจะพิจารณาได้ว่าจำเลยจอดรถฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือไม่

โดยศาลฎีกาได้ตัดสินไว้ว่าโรงพักคือสถานที่ราชการ ที่ประชาชนใช้สัญจรในการเข้าออกไปมา เพื่อติดต่อราชการและแจ้งเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ ดังนั้นจึงถนนภายในโรงพักจึงถือว่าเป็นที่สัญจรไปมาที่ประชาชนใช้ร่วมกันนั่นเอง

เมื่อเป็นทางหรือถนนที่ประชาชนใช้สัญจรร่วมกัน จึงถือว่าถนนในโรงพักเป็นทางตามที่ถูกบัญญัติไว้ใน พรบ.จราจรทางบกฯ ด้วย

ดังนั้นจำเลยจึงต้องจอดรถภายในโรงพักให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ใน พรบ.จราจรทางบกฯ คือต้องจอดรถไว้ทางด้านซ้ายของถนน และต้องจอดให้ชิดขอบไหล่ทางโดยห่างจากขอบไหล่ทางไม่เกิน 25 เซนติเมตร ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้ว

เมื่อจำเลยจอดรถไว้ทางด้านขวาของถนน ซึ่งเป็นการจอดรถโดยการหันหัวรถสวนทางกับรถที่กำลังขับแล่นมา จึงเป็นการจอดรถที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

ดังนั้นเมื่อจำเลยจอดรถโดยไม่ปฏิบัติตาม พรบ.จราจรทางบกฯ ตามที่กล่าวมาแล้ว จึงถือว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายโดยฝ่าฝืนการจอดรถที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้

จำเลยจึงมีความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรตามข้อบัญญัติที่กำหนดไว้ใน พรบ.จราจรทางบกฯ เป็นความผิดตามกฎหมายฐานจอดรถไว้ในทางโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว

จำเลยจะอ้างว่าโรงพักไม่ใช่ถนนหลวงตามความเข้าใจของตัวเองไม่ได้ และจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายก็ไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะคำว่าถนนหลวงนั้นไม่ใช่เพียงแค่ถนนใหญ่หรือถนนสายหลักเท่านั้น แต่เป็นทางที่ประชาชนใชสัญจรไปมาในการขับรถร่วมกันก็ถือว่าเป็นถนนและเป็นทางตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติตามกฎจราจรตามที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย

เพราะหากไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรที่กฎหมายกำหนดไว้ ก็ถือว่าผู้นั้นมีความผิดตามกฎหมายนั่นเอง