กฎหมายมหาชน และ กฎหมายเอกชน

ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย

กฎหมายมหาชน

เป็นกฎหมายที่กำหนดถึงฐานะและอำนาจที่รัฐกับพลเมืองในรัฐหรือความเกี่ยวพันระหว่างรัฐกับรัฐ กฎหมายมหาชน ได้แก่ กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายแรงงาน เป็นต้น

กฎหมายเอกชน

เป็นกฎหมายที่กำหนดฐานะของเอกชน และวางระเบียบในเรื่องความสัมพันธ์ หรือความเกี่ยวพันระหว่างเอกชนด้วยกัน ได้แก่ กฎหมายแพ่ง กฎหมายพาณิชย์

ดังนี้เมื่อเราได้ทราบถึงความหมายของกฎหมายเอกชนและกฎหมายมหาชนแล้ว สามารถที่จะแยกความแตกต่างได้ เป็น 3 ประการคือ
1. ความแตกต่างในด้าน “องค์กร” คือ
– ในกฎหมายมหาชน รัฐในฐานะผู้ปกครองเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในหน่วยงานของรัฐด้วยกัน หรือความเกี่ยวพันระหว่างตัวผู้ปกครองด้วยกันเอง
– ส่วนกฎหมายเอกชนนั้น เป็นกฎหมายที่ใช้สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างผู้อยู่ใต้การปกครองด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งผู้ปกครองจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย

2. ความแตกต่างทางด้าน “เนื้อหา” คือ เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เป็นสำคัญ ซึ่งหมายความว่า
– กฎหมายมหาชน เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวมหรือของประชาชน หรือที่เข้าใจกันว่าเป็น “ประโยชน์สาธารณะ”
– ส่วนกฎหมายเอกชน นั้นเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสมาชิกในแต่ละองค์กร ซึ่งเข้าใจกันว่า “ผลประโยชน์ส่วนบุคคล”

3. ความแตกต่างของ “รูปแบบ” คือ
– กฎหมายมหาชนจะมีลักษณะเป็นการบังคับอีกฝ่ายหนึ่ง บุคคลหนึ่งสามรถที่จะบังคับให้เกิดผลทางกฎหมายแก่บุคคลอีกคนหนึ่งได้โดยไม่ต้องได้รับการยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
– ส่วนกฎหมายเอกชน นั้นจะต้องยึดถือหลักความตกลงยินยอมของคู่กรณีเป็นสำคัญ บุคคลคนหนึ่งไม่สามารถที่จะบังคับบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งให้มีผลผูกพันได้หากอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม

กฎหมายรัฐธรรมนูญ

ความหมายของคำว่า “กฎหมายรัฐธรรมนูญ” นั้น สามารถกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายมหาชน ที่กำหนดหรือวางระเบียบ “สถาบันการเมือง” ของรัฐ ดังนี้การศึกษาถึงคำว่า “กฎหมายรัฐธรรมนูญ” นั้น ก็คือการศึกษาถึงสถาบันการเมืองในด้านกฎหมายนั่นเอง ซึ่งกฎเกณฑ์ที่กำหนดสถานะและความสัมพันธ์ ขององค์กรที่ใช้อำนาจสูงสุดต่อกันหรือต่อประชาชนและกฎเกณฑ์อื่น ซึ่งบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร ที่มีการจัดทำและแก้ไขเพิ่มเติมแตกต่างจากกฎหมายธรรมดา (เน้นที่รูปแบบที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร)
อำนาจอธิปไตย

อำนาจอธิปไตย คือ อำนาจสูงสุดของรัฐ (Supreme Authority) ที่จะบังคับให้ประชาชนในรัฐปฏิบัติตามหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เจตน์จำนงสูงสุดของรัฐ (The Supreme Will of State) ที่แสดงออกมาในลักษณะต่างๆ เช่นออกมาในรูปแบบคำสั่ง กฎหมาย ข้อบังคับ หรือ นโยบาย และผู้ที่แสดงออกซึ่งเจตน์จำนงสูงสุดนี้ก็คือ องค์อธิปัตย์ของรัฐนั่นเอง

ลักษณะของอำนาจอธิปไตยนั้น มีอยู่ 4 ประการ คือ
1. มีความสมบูรณ์ คือ มีความสมบูรณ์ในตัวมันเอง และไม่มีอำนาจอื่นใดที่จะมามีอำนาจเหนือกว่า ความสมบูรณ์ของอำนาจอธิปไตยนี้

2. มีลักษณะทั่วไป คือ อำนาจอธิปไตยจะมีอยู่เหนือเอกชนและองค์กรในรัฐ จะมีข้อยกเว้นก็แต่เฉพาะผู้แทนหรือองค์กรของรัฐอื่น ได้แก่คณะทูตและภายในสถานทูต

3. มีลักษณะถาวร คือ อำนาจอธิปไตยของรัฐจะยังคงมีอยู่ตราบเท่าที่รัฐนั้นยังคงดำรงตำแหน่งเป็นรัฐอยู่ หรือตราบใดที่รัฐนั้นยังไม่ตกไปเป็นเมืองขึ้นของรัฐอื่น และแม้ว่าผู้ใช้อำนาจอธิปไตยจะเปลี่ยนไปจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่ง อำนาจอธิปไตยนั้นยังคงอยู่อย่างถาวรเพราะเป็นการเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจเท่านั้น แต่ถ้าเมื่อใดที่รัฐนั้นถูกทำลายไป ก็เท่ากับว่าอำนาจอธิปไตยของรัฐนั้นสลายไปพร้อมกับการสูญสิ้นความเป็นรัฐของรัฐนั้น

4. มีลักษณะที่แบ่งแยกไม่ได้ คือ ในรัฐๆหนึ่งนั้นจะต้องมีอำนาจอธิปไตยเพียงอำนาจเดียว ถ้ามีการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตย ก็แสดงว่าขณะนั้นกำลังมีการเปลี่ยนแปลงแบ่งแยกดินแดนของรัฐ หากการเปลี่ยนแปลงดินแดนสำเร็จก็จะเกิดอำนาจอธิปไตยใหม่ขึ้นมาอีกอันหนึ่ง ซึ่งก็หมายถึงการเกิดรัฐใหม่ขึ้นมานั่นเอง
สิทธิและเสรีภาพ

ความหมายของสิทธิและเสรีภาพ

สิทธิ (Right) นั้นหมายถึง อำนาจหรือประโยชน์ที่กฎหมายรับรองคุ้งครองและบังคับให้ เช่น สิทธิในการรับมรดก เป็นต้น เป็นสิทธิที่บุคคลอื่นมีหน้าที่ต้องเคารพต่อสิทธิของเรา

เสรีภาพ นั้นหมายถึง สถานภาพของบุคคลที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือ หมายถึง อำนาจที่จะกระทำการโดยไม่อยู่ภายใต้การข่มขู่ของผู้ใด หรือ หมายถึง อำนาจของบุคคลซึ่งจะกระทำหรือละเว้นการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม คำว่าสิทธิเสรีภาพสมัยนี้ นักวิชาการบางคนมีความเห็นตรงกันว่าคำสองคำนี้สามารถใช้แลกเปลี่ยนกันได้ แม้จะมิได้มีความหมายเหมือนกันนัก เปรียบเสมือนคนเรามักเรียก ด้านสองด้านของเหรียญคนละอย่าง แต่ก็หมายถึงเหรียญอันเดียวกันนั้นนั่นเอง

ประเภทของรัฐธรรมนูญ

1. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร คือ
เอกสารฉบับหนึ่ง หรือ หลายฉบับซึ่งรวบรวมกฎเกณฑ์การปกครองต่างๆของประเทศขึ้นไว้และได้จัดทำด้วยวิธีการที่แตกต่างจากการจัดทำกฎหมายธรรมดา การที่กล่าวว่าเป็นเอกสารซึ่งรวบรวมกฎต่างๆในการปกครองประเทศ ทางด้านการเมือง หมายความว่าเป็นเอกสารที่รวบรวมกฎเกณฑ์ที่กล่าวถึงตัวประมุขของรัฐ ซึ่งอาจเป็นกษัตริย์หรือประธานาธิบดี กล่าวถึงการใช้อำนาจอธิปไตยว่าใครเป็นผูใช้ ใช้อย่างไร และ ผู้ใช้อำนาจนี้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างไร การให้ความคุ้มครองและสิทธิ และ เสรีภาพ แก่ประชาชนอย่างไร วิธีการจัดทำเป็นพิเศษแตกต่างจากการจัดทำกฎหมายธรรมดา หมายความว่า ตัวผู้จัดทำรัฐธรรมนูญนั้น อาจเป็นผู้ทำการปฏิวัติก็ได้ สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือสภานิติบัญญัติก็ได้ ส่วนผู้จัดทำกฎหมายธรรมดานั้น โดยปกติจะจัดทำขึ้นมาโดยสภานิติบัญญัติที่เกิดขึ้นโดยรัฐธรรมนูญ

2. รัฐธรรมนูญไม่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือ ที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่ารัฐธรรมนูญจารีตประเพณีนั้น หมายถึง
ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี คำพิพากษาของศาลยุติธรรม กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์การปกครองประเทศทางด้านการเมือง ธรรมเนียมการปฏิบัติที่ยึดถือติดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน รวมกันเป็นบทบัญญัติที่มีอำนาจเป็นกฎหมายสูงสุด กำหนดรูปแบบของรัฐ ทั้งๆที่ไม่ได้เขียนรวบรวมไว้เป็นรูปเล่ม

ข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร

ข้อดี
1. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร ย่อมเป็นรัฐธรรมนูญที่มีข้อความแน่นอน และบัญญัติไว้ชัดเจนเป็นตัวหนังสือ
2. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร ถือว่าการร่างได้กระทำโดยรอบคอบแล้ว เพราะผู้ร่างนั้นได้มีโอกาสพิจารณาความบกพร่องที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และย่อมหาทางแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวแล้ว
3. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรย่อมป้องกันมิให้เกิดปัญหาการขัดแย้งระหว่างอำนาจต่างๆของรัฐธรรมนูญ เพราะมีบทบัญญัติไว้ชัดแจ้ง
4. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรย่อมมีความมั่งคงกว่ารัฐธรรมนูญจารีตประเพณีเพราะย่อมใช้อยู่จนกว่าจะได้แก้ไขเพิ่มเติม โดยวิธีทางรัฐธรรมนูญหรือถูกยกเลิกไป
5. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรย่อมเหมาะสมกับระบอบประชาธิปไตยเพราะในการปกครองระบอบนี้ อำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎร
6. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรย่อมกำหนดสิทธิเสรีภาพของราษฎร จึงเป็นการคุ้มครองราษฎรดีกว่ารัฐธรรมนูญจารีตประเพณี
7. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษร การละเมิดหรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญย่อมทราบได้ง่ายเพราะมีบทบัญญัติแน่นอน

ข้อเสีย
1. การกำหนดบทบัญญัติต่างๆย่อมเป็นแต่เพียงการคาดคะเน จึงไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ หรือเกิดขึ้นภายหลังก็ได้ เนื่องจากพฤติการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้น รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรจึงอาจเกิดความผิดพลาดได้ ส่วนรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีนั้น เป็นสิ่งที่เหมาะสมปฏิบัติต่อเนื่องกันมา อะไรที่ไม่เหมาะสมก็ยกเลิกกันไป ดังนั้นจึงเหมาะสมกับฐานะความเป็นอยู่ของประเทศ
2. รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรมีความตายตัวมากเกินไป จึงทำให้ต้องแก้ไขกันอยู่เป็นประจำในเมื่อการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญนั้นเกิดความไม่เหมาะสมขึ้น และในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญได้ ก็จะทำให้เกิดการปฏิวัติหรือ รัฐประหารขึ้น
3. โดยที่รัฐธรรมนูญรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรบัญญัติข้อความไว้แน่นอน รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรจึงมีลักษณะไม่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์บ้านเมือง เหมือนรัฐธรรมนูญจารีตประเพณี

ข้อดีข้อเสียของรัฐธรรมนูญจารีตประเพณี

ข้อดี
1. รัฐธรรมนูญจารีตประเพณีย่อมป้องกันการปฏิวัติหรือรัฐประหารได้เพราะความไม่แข็งกระด้างตายตัวเหมือนรัฐธรรมนูญลาลักษณ์อักษร จึงไม่จำเป็นต้องละเมิดหรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญโดยใช้กำลังบังคับ
2. รัฐธรรมนูญจารีตประเพณีมีลักษณะ ยืดหยุ่น อาจสามารถพลิกแพลงใช้ได้ในหลายสถานการณ์
3. รัฐธรรมนูญจารีตประเพณีเกิดขึ้นโดยวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงไปโดยที่ราษฎรไม่รู้ตัว คือ เมื่อมีเหตุการณ์ใด ก็มีการปฏิบัติเช่นนั้นมาโดยตลอดจนชิน

ข้อเสีย
1. ไม่มีความแน่นอนทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย ว่ารัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติเช่นไร
2. ไม่เปิดโอกาสให้ทดลองวิธีใหม่ๆ ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้โดยวิวัฒนาการได้ เพราะวิวัฒนาการนั้นต้องอาศัยของเดิม เช่น คณะตุลาการรัฐธรรมนูญย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยทางวิวัฒนาการได้

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญอาจแก้ไขได้ 2 วิธี คือ รัฐธรรมนูญที่แก้ไขง่าย และรัฐธรรมนูญที่แก้ไขได้ยาก

รัฐธรรมนูญที่แก้ไขง่าย คือ
รัฐธรรมนูญที่อาจแก้ไขได้ง่ายโดยวิธีเดียวกับการแก้ไขกฎหมายตามธรรมดา ฉะนั้น กฎหมายฉบับหนึ่งจึงอาจออกมาแก้ไขเพิ่มเติมในรัฐธรรมนูญได้

รัฐธรรมนูญที่แก้ไขได้ยาก คือ
รัฐธรรมนูญที่จะแก้ไขโดยวิธีเดียวกับการแก้ไขกฎหมายธรรมดาไม่ได้ แต่จะต้องทำโดยวิธีพิเศษและยากกว่า ฉะนั้นจึงแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญชนิดนี้โดยออกกฎหมายธรรมดาไม่ได้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ รัฐธรรมนูญมีกระบวนการแก้ไขสลับซับซ้อนและยุ่งยากกว่ากฎหมายธรรมดา

อย่างไรก็ตามความสำคัญของวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แก้ไขยากหรือง่ายนั้น ดูเหมือนจะมีไม่มากนัก ทั้งนี้เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้นว่ามีความจำเป็นหรือไม่ ถ้ามีพฤติการณ์จำเป็นที่แก้ไขง่าย ถ้าไม่มีเหตุการณ์จำเป็นเกิดขึ้น ก็ไม่เห็นว่าจะมีการขอแก้ไขพร่ำเพรื่อแต่อย่างใด

การควบคุมผู้เสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ผู้มีสิทธิเสนอข้อแก้ไขรัฐธรรมนูญส่วนมากมากจะเป็นผู้ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีสิทธิเสนอร่างกฎหมายให้สภานิติบัญญัติพิจารณา ซึ่งได้แก่
1. ประมุขของรัฐ
2. สมาชิกสภานิติบัญญัติ
3. ฝ่ายบริหาร
4. ประชาชน