คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8731/2561
คืนเกิดเหตุจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ไปยังที่เกิดเหตุพร้อมกับอาวุธปืน เมื่อจำเลยที่ 2 เห็นผู้เสียหายที่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุเข้าใจว่าเป็นพวกของ บ. จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นที่พกติดตัวมายิงไปที่ผู้เสียหายนั่งอยู่เพราะสำคัญผิดคิดว่าผู้เสียหายเป็นพวกของ บ. แต่จำเลยที่ 2 ก็จะยกเอาความสำคัญผิดขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาที่จะกระทำต่อพวกของ บ. เช่นใด ก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายเช่นนั้นตาม ป.อ. มาตรา 61 การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยสำคัญผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80
อธิบายกฎหมาย
นายเอกับนายบี ขับ จยย.ไปเห็นนายซีนั่งอยู่ เข้าใจผิดว่าเป็นพวกนายดี จึงยิงนายซีตาย อ้างสำคัญผิดได้หรือไม่?
จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปยังที่เกิดเหตุพร้อมพกอาวุธปืนติดตัวไปด้วย โดยหวังว่าจะใช้ในการยิงผู้เสียหายให้ตายโดยจงใจ เพราะคิดว่าผู้เสียหายเป็นพรรคพวกของคู่อริของตนเอง
เมื่อถึงที่เกิดเหตุเห็นผู้เสียหายนั่งอยู่ และคิดว่าผู้เสียหายเป็นพวกของ บ. คู่อริของตน จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนพกสั้นที่นำติดตัวมาด้วย ยิงไปยังผู้เสียหายโดยตั้งใจ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดหรือที่ภาษากฎหมายใช้คำว่า “สำคัญผิด” ก็ตาม ก็ยังเป็นการกระทำที่เป็นความผิดอยู่ดี
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไม่สามารถอ้างว่าเข้าใจผิดหรือสำคัญผิดโดยคิดว่าผู้เสียหายคือพวกของ บ. ซึ่งเป็นคู่อริของตน จำเลยทั้งสองต้องการมายิงทำร้ายพวกของ บ. ไม่ได้ตั้งใจยิงทำร้ายผู้เสียหายแต่อย่างใดได้ไม่
เพราะถึงอย่างไรจำเลยทั้งสองก็ยังมีเจตนาหรือความมุ่งหวังที่จะกระทำความผิดทางกฎหมายอยู่ดี ไม่ว่าจำเลยทั้งสองจะใช้อาวุธปืนยิงใครก็ตาม ก็เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาเช่นกัน
ดังนั้นจำเลยทั้งสองจะมาอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจยิงผู้เสียหาย จึงไม่ต้องรับโทษทางกฎหมายไม่ได้
เพราะกฎหมายกำหนดเป็นบทบัญญัติที่ปิดปากผู้กระทำความผิดเช่นนี้ไว้โดยเฉพาะแล้วว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนากระทำความผิดต่อพวกของ บ. อย่างไร จำเลยทั้งสองก็ต้องรับผิดในผลที่ตนเองได้กระทำต่อผู้เสียหายเช่นนั้น
กฎหมายให้เปรียบเหมือนว่าจำเลยทั้งสองได้ยิงทำร้ายผู้เสียหายเสมือนกับที่ต้องการยิงทำร้ายพวกของ บ. นั่นเอง
ดังนั้นการลงโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมายจึงต้องเป็นไปตามปกติ เพราะเป็นการเจตนายิงทำร้ายผู้อื่นโดยผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ศาลจะนำเอาตัวบทมาปรับใช้ในกรณีนี้ว่าเป็นการกระทำโดยสำคัญผิด แต่การรับโทษของจำเลยทั้งสองยังคงเทียบเท่ากับการยิงทำร้ายพวกของ บ. ตามปกตินั่นเอง
เมื่อจำเลยทั้งสองตั้งใจมายิงทำร้ายพวกของ บ. แต่สำคัญผิดโดยได้ยิงทำร้ายผู้เสียหายแทน แต่ผู้เสียหายนั้นไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยสำคัญผิด
และจำเลยที่ 1 ก็ไม่สามารถอ้างได้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดข้อหานี้เพราะเป็นเพียงแค่คนขับมอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายจำเลยที่ 2 เท่านั้น ตนเองไม่ได้เป็นคนยิงผู้เสียหายด้วยไม่ได้
เพราะเจตนาของจำเลยทั้งสองมีร่วมกันมาตั้งแต่แรกแล้วว่า ต้องการขับไปยังที่เกิดเหตุเพื่อยิงทำร้ายพวกของ บ.
ดังนั้นจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดข้อหาพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยสำคัญผิดเช่นเดียวกัน