สอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย 20 ครั้งใน 1 ปี ถือเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม

ประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2562

โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 1.3 ว่า ต่อมาภายหลังเกิดเหตุตามฟ้องข้อ 1.2 ซึ่งฟ้องข้อ 1.2 เกิดเหตุเมื่อประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2559 จนกระทั่งถึงประมาณเดือนเมษายน 2560 ต่อเนื่องกันตลอดมา วันที่เท่าใดไม่ปรากฏชัด เวลากลางวัน จำเลยกระทำอนาจารและกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลย โดยจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยกระทำกับอวัยวะเพศของผู้เสียหาย ด้วยการสอดใส่อวัยวะเพศของจำเลยเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย เพื่อสนองความใคร่ของจำเลย ทั้งนี้ไม่ว่าผู้เสียหายจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันอีกรวมจำนวนยี่สิบครั้ง การที่ระบุตอนท้ายฟ้องข้อ 1.3 ว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันอีก รวมจำนวนยี่สิบครั้ง เป็นการบรรยายรายละเอียดให้เห็นแล้วว่า จำเลยกระทำผิดลักษณะเดียวกันตามฟ้องข้อ 1.3 รวม 20 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน และโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยทุกกรรม โดยโจทก์อ้าง ป.อ. มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องข้อ 1.3 เพียงกรรมเดียว จึงไม่ถูกต้อง

อธิบายกฎหมายแบบบ้านๆ

หลายคนอาจจะสงสัยว่ากรณีจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหลายครั้งไม่ว่าผู้เสียหายจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม แต่เป็นวันและเวลาแตกต่างกัน จะถือว่าเป็นความผิดหลายคราวหรือที่ภาษากฎหมายเรียกว่าเป็นความผิดหลายกรรมหรือไม่?

ซึ่งเราจะพบเห็นได้บ่อยครั้งกับกรณีแบบนี้ เช่น ผู้เสียหายจำเป็นต้องอยู่อาศัยร่วมกับจำเลย ไม่ว่าจะพบเห็นตามข่าวหน้าหนึ่งว่า ผู้ข่มขืนเป็นพ่อเลี้ยง มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง เช่น ลุง อา หรือแม้กระทั่งจำเลยเป็นพ่อแท้ๆ ที่ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนั้นจึงทำให้เกิดกรณีการข่มขืนอย่างต่อเนื่อง หรือหลายครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน

มีกรณีตามอุทาหรณ์ซึ่งตัดสินโดยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2562 ข้อเท็จจริงได้ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ว่า จำเลยได้สอดใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายหลายครั้งภายในช่วงเวลา 1 ปี โดยแบ่งการกระทำออกเป็นคราวๆ ไป

โดยภายในระยะเวลา 1 ปี จำเลยได้กระทำพฤติกรรมเช่นนี้กับผู้เสียหายจำนวน 20 ครั้ง ไม่ใช่กระทำหลายครั้งในวันและเวลาเดียวกัน แต่เป็นการกระทำหลายครั้ง หลายเวลา ในห้วงเวลา 1 ปี จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า อย่างนี้จำเลยจะต้องถูกลงโทษหลายครั้งหรือถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียว

ศาลได้ตัดสินไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า กรณีตามคดีเช่นนี้ ถือว่าจำเลยได้กระทำหลายครั้งต่างเวลากัน จึงถือว่าจำเลยได้กระทำความผิดแบ่งเป็นคราวๆ ไป นั่นหมายถึงว่าทุกครั้งที่จำเลยได้สอดใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ถือว่าเป็นความผิดแยกเป็นคราวๆ ไป

ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างวาระกัน เรียกได้ว่าแต่ละครั้งที่จำเลยได้ลงมือข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ก็เป็นความผิดทุกคราวแยกออกจากกันได้

ดังนั้นทุกครั้งจึงถือว่าเป็นความผิดสำเร็จที่แยกออกจากกันได้ เมื่อทุกครั้งที่จำเลยกระทำผิดจึงหมายถึงความผิดทุกครั้งจะต้องถูกลงโทษเป็นครั้งๆ ไป

เมื่อระยะเวลาภายใน 1 ปี ตามคดีที่เกิดขึ้นจริง จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายถึง 20 ครั้ง แสดงว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นจำนวน 20 ครั้งนั่นเอง

จำเลยจึงถูกพิพากษาให้ลงโทษจำคุกโดยแยกความผิดออกเป็น 20 คราว และนำโทษจำคุกที่ศาลได้ตัดสินนั้น มาบวกโทษเรียงเป็นกระทงความผิดไป

จึงคลายข้อสงสัยให้ทุกคนได้แล้วว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นการกระทำแบบเดิมซ้ำๆ ก็ตาม แต่เมื่อกระทำต่างวันและต่างเวลากัน ก็สามารถแบ่งความผิดออกเป็นคราวๆ เพื่อตัดสินความผิดเรียงเป็นรายกระทงไป

เราจึงเคยได้ยินกับคำตัดสินของศาลที่ตัดสินให้จำเลยจำคุกเป็นร้อยๆ ปี ซึ่งเกิดจากการกระทำความผิดหลายครั้งหลายหนนั่นเอง