คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2562
จำเลยทั้งสองและ ส. ซึ่งรู้จักกัน จำเลยที่ 1 กับ ส. แล่นเรือไปนำเมทแอมเฟตามีนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเข้ามาในราชอาณาจักร จำเลยที่ 2 ขับรถมารับจำเลยที่ 1 และ ส. พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าจำเลยทั้งสองและ ส. ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ
อธิบายกฎหมายแบบบ้านๆ
นาย ก กับ นาย ข เอาเรือไปขนยาบ้าจากลาว นาย ค รับรถมารับต่อถือว่าแบ่งหน้าที่กันทำหรือไม่?
กรณีที่มีการร่วมกันกระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ กฎหมายได้กำหนดไว้โดยถือว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ดังนั้นผลก็คือต้องร่วมกันรับโทษในผลที่ตัวเองได้กระทำความผิดนั้น
แต่การจะพิจารณาว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ หรือเป็นการกระทำความผิดที่ต่างคนต่างทำซึ่งจะส่งผลให้ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวนั้น ไม่มีกฎหมายกำหนดบัญญัติไว้อย่างชัดเจน
ดังนั้นศาลจึงต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงและจากพฤติการณ์เป็นรายกรณีไป
ตามคำพิพากษาศาลฎีกานี้ เห็นได้ชัดเจนว่าจำเลยทั้ง 2 รู้จักกับ ส และจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับ ส นำเรือไปขนยาบ้ามาจากประเทศลาว โดยแน่นอนว่าจุดนี้ทั้งจำเลยที่ 1 และ ส มีความผิดฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว
แต่ยังมีเหตุการณ์ต่อเนื่องให้ต้องพิจารณาอีกว่า จากนั้นจำเลยที่ 2 ได้นำรถมาช่วยขนยาบ้าที่จำเลยที่ 1 และ ส นำเข้ามาจากประเทศลาวต่อ จะถือว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดในฐานนำเข้าเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรด้วยหรือไม่
เพราะที่แน่ๆ คือ จำเลยที่ 2 ผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอย่างแน่นอน เพราะเข้าหลักเกณฑ์ความผิดตามที่กฎหมาย พรบ.ยาเสพติดให้โทษฯ กำหนดไว้แล้ว
แต่จำเลยที่ 2 จะมีความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรด้วยหรือไม่ เพราะจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมนำเรือไปขนยาบ้าที่ประเทศลาวด้วยแต่อย่างใด เพียงแค่นำรถยนต์มารอรับและขนยาบ้าเมื่อมาถึงเมืองไทยแล้วเท่านั้น
คดีนี้ศาลฎีกาตัดสินไว้แล้วว่า เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจนระหว่างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และ ส ผลก็คือเมื่อเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ ดังนั้นแม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ไปช่วยขนยาบ้าขึ้นเรือมาจากประเทศลาวกับจำเลยที่ 1 และ ส ด้วยก็ตาม
จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กฎหมายกำหนดด้วย จะปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้ร่วมกระทำความผิดในข้อหานี้ด้วยไม่ได้
เพราะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ผู้กระทำความผิดด้วยกันทั้งหมดจึงต้องรับผิดร่วมกัน
ดังนั้นเมื่อมีการกระทำความผิดในการนำเข้ายาบ้าเข้ามาในเมืองไทย จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดในข้อหานี้ด้วย สรุปก็คือจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และ ส มีความผิดข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักร และความผิดข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายทั้ง 3 คน นั่นเอง